มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในโพรงจมูก
อ. นพ.ธิติ อัศวภาณุมาศ
สาขาวิชาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนับเป็นโรคมะเร็งที่พบได้เป็นอันดับที่ 8 ของประเทศไทย โดยพบได้ถึง 7,000 รายต่อปี (หรือประมาณ 3.7% ของมะเร็งทั้งหมด) และพบในเพศชายได้มากกว่าเพศหญิงประมาณ 1.3 เท่า อย่างไรก็ตามมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางส่วนสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการรักษาในปัจจุบัน และมีอัตราการรอดชีวิตที่สูงเมื่อเทียบกับโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ
อาการของผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้นพบว่า ผู้ป่วยส่วนมากมีอาการไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อีกทั้งยังสามารถตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตตามตำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ ช่องอก ช่องท้อง เป็นต้น อย่างไรก็ตามผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองประมาณ 30% จะมาพบแพทย์ด้วยอาการมีก้อนขึ้นผิดปกติตามอวัยวะต่าง ๆ นอกเหนือจากต่อมน้ำเหลือง เช่น ทางเดินอาหาร ผิวหนัง โพรงจมูก เป็นต้น (ดังรูปแสดง)
ในผู้ป่วยรายที่มีก้อนขึ้นในโพรงจมูกนั้นควรสังเกตตนเองว่ามีอาการผิดปกติเหล่านี้ร่วมด้วยหรือไม่ เช่น หายใจไม่สะดวก น้ำมูกข้นหรือมีเลือดปน หายใจหรือพูดมีกลิ่นปาก หรือพูดไม่ชัด ในกรณีที่ก้อนมีขนาดโตมากขึ้นนั้นอาจพบก้อนหรือแผลภายนอกโพรงจมูกได้ หากมีอาการผิดปกติดังกล่าวให้รีบไปพบแพทย์โดยทันทีเพื่อทำการวินิจฉัย โดยแพทย์จำเป็นต้องนำชิ้นเนื้อในบริเวณโพรงจมูกไปตรวจสอบลักษณะทางพยาธิสภาพ หรือในกรณีที่มีต่อมน้ำเหลืองบริเวณข้างเคียงโตนั้น แพทย์ก็สามารถนำเอาชิ้นเนื้อจากต่อมน้ำเหลืองไปทำการวินิจฉัยได้เช่นเดียวกัน
หลังจากที่แพทย์ทราบผลชิ้นเนื้อเบื้องต้นและหากมีแนวโน้นว่าชิ้นเนื้อดังกล่าวเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้น แพทย์จะทำการประเมินผู้ป่วยใน2 หัวข้อ
ในปัจจุบันมะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถแยกย่อยได้หลายร้อยชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีการพยากรณ์โรค รวมถึงวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่การรักษาจะประกอบไปด้วยการให้ยาเคมีบำบัด หรืออาจมีการฉายแสงร่วมด้วย
ผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ในช่วงต้นการรักษาผู้ป่วยอาจจะอาการคลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ภายหลังจากได้รับยาเคมีบำบัด ในบางรายอาจพบอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน หายใจติดขัด อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงดังกล่าวสามารถบรรเทาได้ แต่สิ่งที่ผู้ป่วยต้องพึงระมัดระวังมากที่สุดคือ การติดเชื้อหลังได้รับยาเคมีบำบัด เนื่องจากหลังจากการได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยมีปริมาณเม็ดเลือดขาวที่ลดลง ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด ดังนั้นผู้ป่วยควรดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เช่น การรักษาสุขอนามัยภายในบ้าน รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารหมัก ดอง หรืออาหารที่ตั้งทิ้งไว้เป็นเวลานาน และควรหลีกเลี่ยงผลไม้เปลือกบาง เป็นต้น
ในปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีการพัฒนาขึ้นมากทำให้ผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการรักษาสามารถหายขาดจากโรคได้ ในผู้ป่วยที่ตอบสนองไม่ดีหรือโรคกลับมาเป็นซ้ำนั้นสามารถทำการใช้ยาเคมีบำบัดขนาดสูงร่วมกับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ โดยวิธีดังกล่าวสามารถรักษาผู้ป่วยได้ดีในระยะยาวเช่นเดียวกัน