ความรู้สู่ประชาชน

โรคเลือดจางจากการขาดวิตามินโฟเลต

พญ. ลลิตา นรเศรษฐ์ธาดา

หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์

                  คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

                  วิตามินโฟเลตหรือวิตามินบี 9 พบได้ในอาหารหลายหลายชนิด ได้แก่ เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ยอดผัก ผลไม้ ถั่วและธัญพืช โฟเลตมีหน้าที่สำคัญในการสร้างเซลล์ เนื่องจากมีส่วนสำคัญในการช่วยสังเคราะห์ดีเอ็นเอ (DNA) ปกติร่างกายมีความต้องการโฟเลตวันละ 200-400 ไมโครกรัม  ส่วนในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรจะมีความต้องการโฟเลตเพิ่มขึ้นสองเท่า ในหญิงตั้งครรภ์จึงมีความจำเป็นต้องรับประทานโฟเลตเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตป้องกันภาวะการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของทารกในครรภ์

                  การขาดโฟเลตในหญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์จะเพิ่มความเสี่ยงในการเจริญเติบโตผิดปกติโดยเฉพาะของระบบประสาทของทารก ในคนทั่วไปหากขาดโฟเลต จะทำให้มีภาวะโลหิตจางที่เม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่ผิดปกติ  อ่อนเพลียและเจ็บลิ้นได้

                 ความชุกของการขาดวิตามินโฟเลตลดลงมาก ในประเทศที่เสริมวิตามินโฟเลตในอาหารจำพวกธัญพืช ข้าวและขนมปัง ปัจจุบัน 83 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในทวีปอเมริกา ออสเตรเลียและแอฟริกาได้ออกกฏหมายให้เสริมวิตามินโฟเลตในอาหารกลุ่มธัญพืช แต่ในประเทศไทยยังไม่ได้มีกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้

สาเหตุของการขาดวิตามินโฟเลต

          สาเหตุที่สำคัญที่สุดของการขาดวิตามินโฟเลต คือ การได้รับวิตามินโฟเลตไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื่องจากวิตามินโฟเลตถูกทำลายได้ง่ายเมื่ออาหารผ่านความร้อน และในร่างกายสะสมวิตามินโฟเลตเพียง 5-10 มิลลิกรัม หากไม่ได้รับอาหารที่มีวิตามินโฟเลตเพียงพอ จะเกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามินโฟเลตในระยะเวลา 4-5 เดือน

  • ร่างกายมีความต้องการวิตามินโฟเลตสูงขึ้น เช่นในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงเรื้อรัง เช่น โลหิตจางธัลลัสซีเมีย และผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังที่มีสะเก็ดหลุดลอกเรื้อรัง
  • ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้รับการฟอกไตต่อเนื่อง
  • วิตามินโฟเลตไม่สามารถดูดซึมได้ จากความผิดปกติของลำไส้เล็ก เช่น ได้รับการผ่าตัดลำไส้เล็กส่วนต้นซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดูดซึมวิตามินโฟเลต หรือมีโรคลำไส้เล็กอักเสบเรื้อรัง
  • ผู้ที่ทานอาหารน้อย มีภาวะทุโภชนาการ หรือมีโรคจิตเภททำให้ไม่ยอมรับประทานอาหารตามปกติ
  • ผู้ที่อยู่ในสถานพยาบาล หรือสถานรับเลี้ยงคนชรา ที่ไม่ได้รับอาหารที่เสริมวิตามินโฟเลต
  • ผู้ที่ติดสุราเรื้อรัง ทำให้รับประทานอาหารน้อย ร่วมกับแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ต้านการทำงานของวิตามินโฟเลต
  • ได้รับยาที่ออกฤทธิ์ต่อต้านการทำงานของวิตามินโฟเลต เช่น ยาปฏิชีวนะบางตัว และยาเคมีบำบัด
  • ได้รับการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดความอ้วน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ได้แก่ วิตามินโฟเลต วิตามินบี 12 และธาตุเหล็กได้

อาการของการขาดวิตามินบี 12

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • ซีดจากภาวะโลหิตจาง
  • ใจสั่น หน้ามืดบ่อย
  • ความจำและทักษะทางความคิดลดลงจากภาวะโลหิตจาง
  • เจ็บลิ้น ทานอาหารรสจัดไม่ได้ มีแผลที่มุมปาก
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
  • ซึมเศร้า

การวินิจฉัยภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามินโฟเลต

          เมื่อมีภาวะโลหิตจางที่เม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่ผิดปกติ อาจพบเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำลงได้เล็กน้อย ลักษณะเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิลด์มีขนาดใหญ่ที่มีจำนวนหยักของนิวเคลียสมากขึ้นผิดปกติ โดยมักจะสงสัยในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงข้างต้นต่อการขาดวิตามินโฟเลต แพทย์จะสืบค้นเพิ่มเติมโดยตรวจระดับวิตามินโฟเลตร่วมกับวิตามินบี 12 ในเลือดว่ามีระดับต่ำผิดปกติหรือไม่ จำเป็นต้องตรวจระดับวิตามินบี 12 ด้วยเสมอ เนื่องจากอาการและอาการแสดงทางคลินิก ไม่สามารถแยกภาวะขาดวิตามินทั้งสองชนิดนี้จากกันได้ และผู้ป่วยอาจมีการขาดวิตามินทั้งสองชนิดนี้ร่วมกันก็ได้ อย่างไรก็ดีการตรวจระดับวิตามินโฟเลตจะมีประโยชน์น้อยในผู้ที่ทานอาหารได้และมีการดูดซึมอาหารที่ปกติ หากตรวจไขกระดูกซึ่งเป็นที่ผลิตเม็ดเลือดแดง จะพบเม็ดเลือดแดงตัวอ่อนที่มีขนาดใหญ่และนิวเคลียสอ่อนผิดปกติได้

การรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามินโฟเลต

          ให้วิตามินโฟเลตทดแทนในขนาด 5-10 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่ควรเสริมวิตามินโฟเลตอย่างเดียวในผู้ที่ขาดหรือสงสัยว่าขาดวิตามินบี 12 ร่วมด้วย เนื่องจากการให้วิตามินโฟเลตอย่างเดียวในผู้ที่ขาดวิตามินบี 12 จะทำให้อาการทางระบบประสาทแย่ลงในผู้ที่ขาดวิตามินบี 12ได้ ส่วนในผู้ที่ได้รับยาต้านการออกฤทธิ์ของวิตามินโฟเลต โดยเฉพาะยาเคมีบำบัดกลุ่ม methotrexateสามารถให้กรดโฟลินิค ซึ่งเป็นวิตามินโฟเลตที่สามารถนำไปช่วยในการสังเคราะห์ DNA ได้เลย

หัวข้ออื่นที่น่าสนใจ